พัทลุง – บรรยากาศภายในวิทยาลัยนาฏศิลปพัทลุงเต็มไปด้วยความคึกคัก เมื่อประชาชนจากทั่วภาคใต้ กรุงเทพฯ และต่างประเทศแห่ชมการแสดง “นางเอกหนังลุง” ผลงานสร้างสรรค์ศิลปะพื้นบ้านร่วมสมัยที่กำลังเป็นกระแสไวรัลบนโลกออนไลน์ มีผู้เข้าชมหลายพันคนตั้งแต่เช้า บางส่วนพกเสื่อมาจับจองที่นั่ง ท่ามกลางรอยยิ้มและเสียงหัวเราะอย่างอบอุ่น
งานนี้จัดโดย วิทยาลัยนาฏศิลปพัทลุง ร่วมกับภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน เปิดเวทีด้วยกิจกรรมเสวนา “ชวนคุยชวนคิด ปลุกชีวิตนางเอกหนังลุง” โดยมีนายธราวุธ ช่วยเกิด รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง, ผศ.ดร.กิตติชัย รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปพัทลุง, นางอภิญญา สุวรรณ วัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง และตัวแทนคณะศิลปินพื้นบ้าน ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม
จากนั้นเป็นการแสดงโนราจาก “แก๊งนางฟ้า โนราเก้าเพชรศิลป์” และคณะ “ภิญโญ สองหิ้ง” และ “โนรากูล” ถ่ายทอดบทกลอนพื้นบ้านอย่างสนุกสนาน เรียกเสียงปรบมือกึกก้อง ก่อนเข้าสู่การแสดงไฮไลท์ “นาฏตลุงหลุง” และชุด “นางเอกหนังลุง” ที่ทุกคนรอคอย
งานนี้จัดโดย วิทยาลัยนาฏศิลปพัทลุง ร่วมกับภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน เปิดเวทีด้วยกิจกรรมเสวนา “ชวนคุยชวนคิด ปลุกชีวิตนางเอกหนังลุง” โดยมีนายธราวุธ ช่วยเกิด รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง, ผศ.ดร.กิตติชัย รัตนพันธ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปพัทลุง, นางอภิญญา สุวรรณ วัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง และตัวแทนคณะศิลปินพื้นบ้าน ร่วมแลกเปลี่ยนแนวคิดการสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม
จากนั้นเป็นการแสดงโนราจาก “แก๊งนางฟ้า โนราเก้าเพชรศิลป์” และคณะ “ภิญโญ สองหิ้ง” และ “โนรากูล” ถ่ายทอดบทกลอนพื้นบ้านอย่างสนุกสนาน เรียกเสียงปรบมือกึกก้อง ก่อนเข้าสู่การแสดงไฮไลท์ “นาฏตลุงหลุง” และชุด “นางเอกหนังลุง” ที่ทุกคนรอคอย
การแสดง “นางเอกหนังลุง” ใช้นักแสดง 13 คน สวมบทนางเอกหนังลุง 7 ตัวละคร ได้แก่ นางเลือดขาว, นางวาสนา, นางบุษบา, นางมัสสุหรี, นางสุนิสา, นางโฉมงาม และนางเพชรนาคี ถ่ายทอดลีลาร่ายรำและบทร้องผสมจังหวะดนตรีพื้นบ้านกับความร่วมสมัยอย่างลงตัว สร้างความประทับใจแก่ผู้ชมตลอด 9 นาทีของการแสดง
“นางเอกหนังลุง” กลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของการฟื้นฟูศิลปะหนังตะลุงในยุคปัจจุบัน หลังคลิปการแสดงถูกเผยแพร่เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และได้รับเสียงชื่นชมกว้างขวางทั่วประเทศ การเปิดการแสดงครั้งนี้จึงเป็นทั้งคำตอบของความต้องการจากประชาชน และเป็นหลักฐานชัดเจนว่าศิลปะพื้นบ้านใต้ยังคงมีชีวิตชีวาและอยู่ในหัวใจของคนไทยทุกยุคสมัย