วันพฤหัสบดี, 2 ตุลาคม 2568
วันพฤหัสบดี, 2 ตุลาคม 2568

ม.อ. ต้อนรับทูตานุทูต 21 ประเทศ เน้นบทบาทสู่สากล งานวิจัยเพื่อความยั่งยืน และการสร้างสันติภาพในภาคใต้

ทูตานุทูต 21 ประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนต่างประเทศ เดินทางเยือนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ภายใต้โครงการเสริมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกับต่างประเทศ จัดโดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมกับ กระทรวงการต่างประเทศ ในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี กล่าวต้อนรับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เถกิง วงศ์ศิริโชติ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ บรรยายสรุปการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร และบุคลากร ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม 210 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2510 ประกอบด้วย 5 วิทยาเขต ได้แก่ หาดใหญ่ ปัตตานี ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และตรัง เป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศทางวิชาการและนวัตกรรมในภูมิภาคภาคใต้ และได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย โดย QS นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาทั่วโลกมากกว่า 600 แห่ง มีนักศึกษานานาชาติจาก 37 ประเทศ เข้ามาศึกษาทั้งในระดับบัณฑิตศึกษาและระดับปริญญาตรี ซึ่งมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของนักศึกษาและบุคลากร สอดคล้องกับนโยบายของมหาวิทยาลัยในฐานะสถาบันแห่งความเป็นเลิศทางวิชาการอย่างมั่นคงและยั่งยืน

    ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เถกิง วงศ์ศิริโชติ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีวิสัยทัศน์และพันธกิจที่มุ่งพัฒนาสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก โดยเน้นการสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการและนวัตกรรม เชื่อมโยงงานวิจัยเพื่อการพัฒนาภาคใต้และประเทศ รวมถึงการบ่มเพาะบัณฑิตที่มีความรู้ คุณธรรม และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งมหาวิทยาลัยติดอันดับ TOP ของประเทศหลายสาขา ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ ด้านวิศวกรรมศาสตร์ ด้านสังคมศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพและแพทยศาสตร์ และด้านวิทยาศาสตร์กายภาพ

          ปัจจุบัน ม.อ. เปิดสอน 302 หลักสูตร ครอบคลุมทั้งระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา โดยมีนักศึกษามากกว่า 36,700 คน และนักศึกษาต่างชาติจำนวน 543 คน จาก 37 ประเทศ นอกจากนี้ ยังมีหลักสูตรปริญญาควบ (Dual Degree) ร่วมกับมหาวิทยาลัยจากนานาชาติอีก 23 หลักสูตร พร้อมบุคลากรด้านการสอนและวิจัยจากหลากหลายประเทศ มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการวิจัยสหวิทยาการ การพัฒนาภูมิภาคภาคใต้ การสร้างความร่วมมือนานาชาติ และการขับเคลื่อนงานวิจัยสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมีนักวิจัยหลายท่านที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ นอกจากงานวิชาการแล้ว ม.อ. ยังขับเคลื่อนโครงการเพื่อสังคม เช่น การวิจัยพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อการลดความยากจนและการพัฒนาความเท่าเทียมในประเทศไทย กรณีศึกษาจังหวัดปัตตานี และ ศูนย์เฝ้าระวังชายแดนใต้ (Deep South Watch) ซึ่งมุ่งส่งเสริมการเรียนรู้เรื่องความขัดแย้งและสื่อสารข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์ของสังคม

“การเยือนของทูตานุทูตในครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ เสริมสร้างภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยและจังหวัดสงขลาในเวทีโลกรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ กล่าว     

จากนั้น คณะฯ ยังได้เยี่ยมชมการดำเนินงานทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัย ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์เวชวิวัฒน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน “บริการพิเศษ / Premium Services” ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพสูง ระดับบริการพิเศษแก่ผู้ป่วยที่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกและการดูแลเป็นพิเศษ เป็นสถาบันการแพทย์ที่ให้บริการ Health Care Service ครอบคลุมด้านการรักษาพยาบาล การฟื้นฟู การส่งเสริมสุขภาพ และการป้องกันโรค เป็นช่องทางการรับบริการสุขภาพให้แก่ผู้ป่วยที่มีศักยภาพด้านการเงินได้รับการรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็ว และมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และเป็นต้นแบบสำหรับการบริหารจัดการแบบ privatization ของโรงพยาบาลรัฐบาลในพื้นที่ภาคใต้

          นอกจากนี้ ทูตานุทูตยังได้เดินทางไปยังอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมนวัตกรรมของภูมิภาค ประกอบด้วยอาคารหลัก 4 หลัง ได้แก่ อาคาร A ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจและ Co-working Space, อาคาร B ห้องปฏิบัติการและโรงงานต้นแบบ, อาคาร C ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อผลักดันงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ และอาคาร D ศูนย์วิเคราะห์ทดสอบผลิตภัณฑ์ โดยทำหน้าที่เป็นกลไกเชื่อมโยงองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยสู่ภาคเอกชน ใช้ทรัพยากรด้านวิจัยของภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งเสริมการตั้งตัวและเติบโตของธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในภาคใต้ พร้อมให้บริการแบบครบวงจร เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของภาคใต้และของประเทศอย่างยั่งยืนในระยะยาว

ทั้งนี้ คณะผู้แทนทางการทูตในครั้งนี้ ประกอบด้วย ระดับเอกอัครราชทูต ได้แก่ นอร์เวย์ สิงคโปร์ เดนมาร์ก โปรตุเกส ญี่ปุ่น แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ สเปน อิตาลี ลักเซมเบิร์ก และระดับอื่น ๆ ได้แก่ สวีเดน เบลเยียม โรมาเนีย ฟินแลนด์ ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย โปแลนด์ นิวซีแลนด์ กรีช และฝรั่งเศส ยังได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมสถานที่สำคัญในจังหวัดสงขลา ศึกษาถึงศักยภาพของจังหวัดสงขลาในหลากหลายมิติ