วันเสาร์, 23 สิงหาคม 2568
วันเสาร์, 23 สิงหาคม 2568

สภาพัฒน์ ร่วมกับ มอ. จัดประชุมระดมความคิดเห็นโครงการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ เพื่อแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี ครั้งสุดท้าย ก่อนสรุปผลเสนอต่อ ครม. ต่อไป

วันที่ 22 สิงหาคม 2568 สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ปรึกษาโครงการฯ จัดประชุมระดมความคิดเห็น ครั้งที่ 8 (เวทีที่ 45) การปัจฉิมนิเทศ และแถลงข่าว ภายใต้โครงการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธ์ศาสตร์ สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี ณ ห้องประชุม Conference Hall ศูนย์การประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยได้รับเกียรติจากนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมประชุม และปาฐกถาพิเศษ “ทิศทางการพัฒนาตามนโยบายของรัฐบาลกับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานีสู่ความยั่งยืน” และนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธาน กล่าวเปิดการประชุม

นานดนุชา กล่าวว่า การจัดทำร่างแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานีฉบับนี้ใช้ระยะเวลากว่า 2 ปี 8 เดือน เพื่อระดมความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อกังวล จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่กว่า 4,000 คน ผ่านการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในรูปแบบทางการและไม่เป็นทางการ มากกว่า 70 เวที โดยมุ่งเน้นการพัฒนาฐานทรัพยากรอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการพัฒนาภาคเศรษฐกิจหลักที่เป็นฐานรายได้สำคัญ อย่างการท่องเที่ยว การศึกษา สุขภาพ การเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร รวมถึงศักยภาพพลังงานทดแทน และการจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การมีส่วนร่วม และการแก้ปัญหาสังคมในพื้นที่ นำไปสู่การพัฒนาพื้นที่ของทั้ง 2 จังหวัดอย่างเป็นรูปธรรม คือการมุ่งสู่การเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน บนฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางวัฒนธรรม”

ครอบคลุม 3 ประเด็นหลัก ได้แก่

1️⃣การพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลาและปัตตานีสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้

2️⃣การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และการสร้างสังคมเป็นธรรมและมีสันติสุข

3️⃣การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของพื้นที่ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สำหรับการประชุมในวันนี้ เป็นการประชุมปัจฉิมนิเทศของโครงการ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย เพื่อรับฟังข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ หรือข้อกังวล ต่อการขับเคลื่อนร่างแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและจังหวัดปัตตานี และร่างประเมินผลสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ หลังการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ฯ แล้ว สศช. จะนำแผนแม่บทดังกล่าว รายงานสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเพื่อขับเคลื่อนแผนแม่บทดังกล่าวสู่การปฏิบัติจริงต่อไป

การจัดประชุมโครงการการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ สำหรับแผนแม่บทพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ปรึกษาโครงการ จัดประชุมรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 8 เวทีที่ 45 (ปัจฉิมนิเทศ) โครงการการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี โดยมี นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สศช. เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วย ดร.วิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการ สศช. นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผศ.ดร.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ. รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พร้อมผู้แทนส่วนราชการ ท้องถิ่น เอกชน ผู้มีส่วนได้เสียกว่า 800 คนเข้าร่วมงาน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  ได้ประกาศ  “8 Quick Wins:  3 ไร้ทุกข์ 5 สร้างสุข” ได้แก่ การกวาดล้างยาเสพติด ปราบปรามผู้มีอิทธิพล แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน สร้างเมืองคึกคักด้วย Soft Power  พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก  ปรับปรุงบริการภาครัฐ และระบบรับเรื่องร้องทุกข์ให้เข้าถึงง่ายขึ้น นโยบายทั้งหมดมีเป้าหมายร่วมคือ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ทั้งด้านความปลอดภัย เศรษฐกิจฐานราก สุขภาพ การศึกษา และบริการภาครัฐ

สำหรับจังหวัดสงขลาและปัตตานี ล้วนมีศักยภาพโดดเด่น สงขลามีทำเลเชิงยุทธศาสตร์ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ ส่วนปัตตานีมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เกษตร  และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม  เป้าหมายของสงขลาคือ “เมืองน่าอยู่ ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงอาเซียน  พัฒนาอย่างยั่งยืน” ส่วนปัตตานีคือ “เกษตรกรรมยั่งยืน ฮาลาลคุณภาพ สังคมพหุวัฒนธรรม นำสู่สันติสุข” ทั้งสองจังหวัดมุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ควบคู่สิ่งแวดล้อมและสังคมการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือและการบูรณาการทั้งแนวตั้งคือ  เชื่อมโยงส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น เอกชน และประชาชน ส่วนแนวนอน ระหว่างหน่วยงานในจังหวัด เพื่อให้การทำงาน  สอดประสานกัน อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลจริง